ลองเที่ยว Singapore ครั้งแรก 4 วัน 3 คืน | EP2 : วันที่ 1

ลองเที่ยว Singapore ครั้งแรก 4 วัน 3 คืน | EP2 : วันที่ 1

EP1 : เตรียมตัว
EP2 : วันที่ 1
EP3 : วันที่ 2
EP4 : วันที่ 3
EP5 : วันที่ 4
EP6 : สรุป

อยากจะบอกว่าเราบินไฟล์เช้ามากครับ ก็คือบิน Flight แรกของ DMK-SIN เลย เรียก Boarding ตอน 5:30 แล้วก็ Depart ตอน 6:10 เลย

โดยในช่วงเช้า ไม่มีรถสาธารณะให้บริการแน่ๆ เราเลยเลือกใช้บริการ Limousine จากบัตรเครดิต UOB Zenith ที่ยังเหลือโควต้าในการใช้งานอยู่เต็มๆ 2 ครั้ง เลยขอใช้ทั้งหมดเลยละกัน ทั้งขาไปขากลับจากดอนเมือง เพราะนี่จะสิ้นปีแล้ว เด่วจะเสียผลประโยชน์ไป

เราคิดว่าเราเตรียมตัวมาดีระดับนึงแล้ว แต่ดันมาตกม้าตายเอาตอนจอง Limousine นี่แหละครับ โดยเราระบุเวลาที่ให้รถมารับ อยู่ที่ 4:00 และแน่นอน เรามีเวลาในการผ่านด่าน ตม. เข้าไปแค่ 1 ชม. เท่านั้น ก่อนจะเรียก Boarding (โดยปกติแล้ว หากเป็น Flight ต่างประเทศ แนะนำให้เผื่อเวลาไว้สัก 3 ชม. นะครับ) และนี่เป็นครั้งแรกในการบิน Flight ต่างประเทศที่ดอนเมืองของเราด้วย!!

แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่บ้าง เราใช้เวลาเดินทางจากที่พักไปยังดอนเมืองแค่ 10 นาทีเท่านั้น!! และตอนรอคิวเข้า ตม. ขาออกนั้น ไม่มีคนเลย รอดตัวไปอีกเรื่องนึง 😄

หลังจากผ่านกระบวนการเสร็จเรียบร้อย ทำให้เรามีเวลาเหลืออีกเยอะเลย เลยต้องหาข้าวเช้ากินกันหน่อย เพราะตอนออกมารีบมาก ยังไม่ได้กินอะไรเลย เลยเลือกใช้บริการ Lounge จากทาง Miracle Lounge ครับ

ตัว Miracle Lounge ที่สนามบินดอนเมือง ขาออกระหว่างประเทศ จะเปิดให้บริการ 24 ชม. ครับ โดยเราใช้สิทธิ์ทั้ง 2 คน ตามนี้

  • ใช้ Priority Pass จากบัตรเครดิต UOB Zenith
  • ใช้ Voucher จากบัตรเครดิต Aeon Union Pay (ลองสมัครกันดูได้นะครับ เงื่อนไขน้อย ให้ Voucher เข้า Miracle Lounge ฟรีตั้งปีละ 2 ครั้งแหนะ)
ข้าวเช้าวันนี้ก่อนบิน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เรียก Boarding ตอน 5:30 เป๊ะๆ และเครื่องก็ออกประมาณ 6:10 ตามเวลาเลยครับ หลังจากนั้นไม่นาน เราก็มาถึงสนามบิน Changi ครับ ตอนเวลาประมาณ 09:30 เป๊ะๆเลย (ที่จริงถึงก่อนด้วย แต่สภาพอากาศน่าจะทำให้ไม่สามารถลงจอดได้) หลังจากเดินลงจากเครื่องมาสักพัก ก็จะเจอ Immigration ครับ

ก่อนเข้า Immigration

ของสิงคโปร์ทั้งหมด จะเป็น Automatic Gate ทั้งหมดนะครับ ทั้งของประชาชนสิงคโปร์เอง แล้วก็ชาวต่างชาติที่เดินทางมาสิงคโปร์นะครับ การผ่านก็ไม่ยากครับ แค่ Scan Passport ไปที่เครื่อง หลังจากนั้นก็จะมีการให้วางนิ้วมือลงไปที่เครื่องตามลำดับ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ตม. รอดูผลการเข้าเมืองผ่าน Tablet อยู่ด้านหลัง หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะเข้าเมืองได้ตามปกติครับ

หากมากันหลายคน หลังจากผ่านขั้นตอน ตม. ไปแล้ว ไม่ต้องหยุดรอกันนะครับ ให้เดินไปเลย จนพ้นตรงจุด Immigration แล้วค่อยรอเพื่อนตรงนั้นนะครับ อย่าไปรอหน้า Immigration นะครับ

หลังจากเดินออกมาจาก Immigration แล้ว เราก็ไปเอา Sim เราสั่งซื้อจาก Klook กัน โดยจุดรับ Sim จะอยู่หลังจากผ่านกระบวนการทางศุลกากรไปแล้วนะครับ อยู่ตรงประตูทางออกเลย ตอนรับก็ไม่ยากครับ ยื่นหน้าจอที่เป็น QRCode ที่มาจาก Klook พร้อม Passport ของเรา ก็เรียบร้อยครับ

ส่วนการเดินทางไปโรงแรม เราเลือกใช้บริการ Limousine จากบัตรเครดิต UOB KrisFlyer ครับ เพราะหน้าบัตรที่เป็น World Elite จะให้สิทธิ์ฟรี Limousine ผ่าน DragonPass จำนวน 3 ครั้ง ปีนี้ยังใช้ไปแค่ครั้งเดียว ขอใช้ให้หมดเลยละกัน โดยลองเรียกที่สิงคโปร์ จะได้รถเป็น Alphard ครับ

สบายหน่อย ได้ Alphard แฮะที่นี่

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีเลยครับ เพราะว่าตอนมาถึง ฝนตก ☹️ ใจเสียเลยทีนี้ วันนี้จะได้ไปไหนไหมละนี่ ก็ได้แต่ขอให้ช่วงบ่ายฝนหยุดละกัน ไม่งั้นแย่เลย

พอไปถึงโรงแรม ฝนก็เริ่มซาลงละ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี ฮ่าๆๆ 😄 โดยเรามาถึงโรงแรม ประมาณ 10:30 ครับ และแน่นอน เราได้ทำการขอ Early Check-in เอาไว้ ทำให้ห้องเราพร้อมสำหรับการ Check-in เรียบร้อยครับ

ปกติที่เมื่อเรา Check-in โรงแรม Swissôtel The Stamford Singapore จะเป็นระบบแบบ Self Check-in ครับ โดนเราสามารถทำด้วยตัวเองที่ชั้น 1 ของโรงแรมได้เลย โดยจะมีพนักงานค่อยช่วยเหลือเราอยู่ครับ แต่เนื่องจากเราถือบัตร Accor ที่เป็น Platinum อยู่ ทางโรงแรมจะเชิญเราไป Check-in ที่ Club Lounge ชั้น 65 ได้เลยครับ

หลังจากที่เราขึ้นมาที่ชั้น 65 จะมีพนักงานที่ Counter ของ All Accor อยู่ มีน้องพนักงานคนไทยบริการอยู่บนชั้นนี้ด้วย ทำให้เราได้รับความสะดวกในการให้บริการในครั้งนี้ โดยรวมผมได้ทำการ Early Check-in ได้ พร้อมกับ Upgrade ห้อง 1 Step แต่ที่เสียดายคือห้อง Harbour view ดันเต็มพอดีในช่วงที่ไป ทางน้องเลยพยายามหาห้องที่บรรยากาศใกล้เคียงที่สุด ผมก็ OK ครับ ไม่ได้ติดอะไร

พร้อมกับช่วงที่เราไป Check-in ตัว Line อาหารเช้ายังไม่ได้เก็บ น้องก็ให้เราทานอาหารเช้าก่อนที่เราจะเข้าห้องพัก

บรรยากาศใน Club Lounge
อาหารเช้าใน Club Lounge

หลังจากที่เรามาที่ห้องพักที่อยู่ชั้น 61 เป็นห้องที่อยู่ติดกับลิฟต์พอดี ข้อดีคือสะดวกครับ ออกจากลิฟต์แล้วถึงห้องเลย ข้อเสียคือ มันจะวุ่นวายไปหน่อย เวลาคนเดินผ่านไปผ่านมาครับ

ห้อง 6172 ที่จะอยู่กันตลอด 4 วัน

พอเข้าไปในห้องคือ ห้อง OK เลยครับ ขนาดห้องถือว่ากว้างเลย เพราะได้ห้องขนาดนี้ ในทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ ผมถือว่าใช้ได้เลย

บรรยากาศภายในห้อง
วิวนอกระเบียงเมื่อมองจากในห้อง
จดหมายต้อนรับจาก Hotel Manager

หลังจากพักผ่อนกันพอแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางละครับ ด้วยความที่โรงแรมอยู่ใกล้กับสถานที่เที่ยวยอดฮิตเลย ทำให้เราสามารถที่จะเดินไปยัง Landmark ต่างๆได้เลย โดยเราเริ่มเดินไปยัง Esplanade เพื่อดูผลงานศิลปะต่างๆ นิดหน่อย

โดยเดินผ่าน CityLink ใต้ดินได้เลยครับ โดยตัว CityLink จะเชื่อมกับสถานที่สำคัญรอบๆค่อนข้างเยอะครับ ทำให้เราไม่ต้องไปเดินตากฝนเลย

หลังจากผ่าน Esplanade แล้ว จุดใกล้ๆ มุมมหาชนที่ต้องเดินเข้าไปถ่ายรูปเมื่อมาสิงคโปร์ นั่นก็คือ Merlion Park นั่นเองครับ ก็แน่นอนครับ เราก็แวะไปถ่ายรูปนิดหน่อย แน่นอนว่า คนค่อนข้างเยอะเลยละ เลยแนะนำว่า ถ้าใครอยากมาถ่ายรูป แนะนำให้มาช่วงเช้าๆหน่อยนะครับ เพราะว่าพอเริ่มสาย นักท่องเที่ยวจะเริ่มเยอะ จนเริ่มหามุมถ่ายรูปลำบากละ

พอเสร็จจาก Merlion Park เรียบร้อย ก็มีแผนว่าจะอยากไปลองกิน Chilli Crab ซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตของสิงคโปร์ เลยตกลงปลงใจเดินไปกินที่ร้าน JUMBO Seafood - The Riverwalk โดยอยู่แถวๆ Clarke Quay โดยเราเลือกเป็นเดินจาก Merlion Park ไปยัง Clarke Quay โดยระหว่างทาง ก็ทำให้เราเดินผ่าน

  • Empress Place
  • Asian Civilisations Museum
  • Victoria Concert Hall
  • Statue of Sir Stamford Raffles
Empress Place
Statue of Sir Stamford Raffles
เรียบแม่น้ำสิงคโปร์
Old Hill Street Police Station

เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ก็จะถึง JUMBO Seafood - The Riverwalk ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับ Old Hill Street Police Station พอดี ปกติร้านนี้จะต้องจอง คนจะเต็มตลอด แต่วันนี้น่าจะพอมีโชคอยู่บ้าง ที่ตอนไปไม่ค่อยมีคน แต่ที่นี่มีความแปลกคือ จะมีการกำหนดเวลาในการกินด้วย (ไม่ใช่บุ๊ฟเฟ่นะครับ) อาจจะต้องบริหารเวลานิดนึงครับ

โดยเราสั่งเป็น Set Menu A2 มาลองกินดู สนนราคา $188 SGD พอรวม VAT ไปแล้วก็อยู่ประมาณ $210 SGD รสชาติถือว่าพอได้ครับ แต่สิ่งที่ดีงามคือ Chilled Mango Sago Pomelo นี่แหละ อร่อยเลย

Asparagus Stir Fried with X.O. Sauce
Seafood Donut Tossed in Salad Cream with Lumpfish Caviar
King Prawns Stir Fried with Golden Salted Egg
Award-Winning Chilli Crab with Mini Buns
Award-Winning Chilli Crab with Mini Buns
Supreme Seafood Fried Rice
Chilled Mango Sago Pomelo

หลังจากกินกันเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นกันต่อ ผ่านห้าง Clarke Quay Central แล้วเดินเลยไปยังย่าน Chinatown ถือว่าเป็นย่านยอดฮิตของชาวไทยเลยละครับ

People's Park Center ย่าน Chinatown

จากนั้นก็แวะกดเงินสักหน่อย เนื่องจากเราจำเป็นต้องใช้เงินสด ในกรณีที่จะไปหาของกินที่เป็นประเภท Street Food ต่างๆ เนื่องจากที่เราบอกไปข้างต้นนะครับ ว่าร้านเล็กๆที่เป็นร้าน Street Food ยังไม่ค่อยรับบัตรเครดิต เราเลยกดเงินออกจากบัตร Travel Card มาก่อน เผื่อต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องใช้เงินสด

โดยในช่วงที่เราไป บัตร YouTrip ยังสามารถกดเงินสดผ่านตู้ ATM โดยมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมในกดเงินสดให้อยู่ โดยธนาคารที่ได้รับการยกเว้น จะมีอยู่ 2 ธนาคารครับ คือ

  • UOB
  • MayBank

หลังจากกดเงินเสร็จ ก็ต้องแวะหาขนมอร่อยๆกินสักหน่อย ก่อนกลับที่พักครับ โดยเลือกเป็นร้านบัวลอยในย่าน Chinatown ก่อนเดินทางกลับโรงแรม

เรายังเลือกวิธีการเดิน เพื่อเดินทางกลับที่พักเหมือนเดิมครับ เพื่อที่เราจะได้เสพวิวของเมืองไปด้วย เพราะช่วงที่เดินกลับจะเริ่มค่ำละ ตึกต่างๆเริ่มเปิดไฟ ทำให้เราได้เห็นแสงสีต่างๆ ก็สวยไปอีกแบบ

บรรยากาศริมแม่น้ำสิงคโปร์ช่วงเริ่มค่ำ

หลังกลับมาโรงแรม แน่นอนว่ารอบนี้เราฝากท้องในส่วนของเข้าเย็นไว้กับโรงแรมครับ เพราะว่าช่วงเย็น ใน Club Lounge จะมีบริการ Evening Cocktail ให้ ซึ่งก็จะมีอาหารบริการอยู่ด้วย ทำให้ประหยัดข้าวเย็นไปได้อีก 1 มื้อ

อาหารในช่วงเย็น

สำหรับวันนี้ก็น่าจะประมาณนี้แหละครับ เตรียมพักผ่อนเพื่อจะได้ไปลุย Universal Studio ในเช้าวันถัดไปได้เต็มที่ใน EP3 : วันที่ 2 กันครับ 😸