Refinance คอนโดครั้งแรก

ด้วยความอดทนกับดอกเบี้ยเดิมไม่ไหวละ ก็เลยเริ่มโครงการจะ Refinance คอนโดที่อยู่เป็นครั้งแรก (สักที) แล้วเป็นช่วงที่หัวเลี้ยวหัวต่อที่กำลังจะย้ายงานพอดี เลยจะมาเล่าประสบการณ์ตั้งแต่เริ่ม Process จนจบ ว่าผมทำยังไงบ้าง

ขั้นตอนแรก เราต้องขวานหาข้อมูลดอกเบี้ยแบงค์แต่ละแบงค์ ว่าให้ดอกเบี้ยตามเงื่อนไขยังไงบ้าง ซึ่งก็มีหลายวิธีครับ วิธีที่หลายๆคนใช้ คือแวะไปยังสาขาของแบงค์ต่างๆ เพื่อไปขอข้อมูลของดอกเบี้ยมาครับ ส่วนผมมันสายขี้เกียจ 555555 เลยใช้ตัวช่วยครับ

ผมเริ่มหาข้อมูลตั้งแต่ต้น มีนาคม 2023 โดยใช้บริการของ Refinn ครับ โดย Refinn เป็นบริษัท Startup ที่รวบรวมเอาข้อมูลดอกเบี้ยสำหรับ Refinance ของแบงค์ต่างๆ มาอยู่ในที่ที่เดียวกัน พร้อมดำเนินการยื่นเรื่องให้เราด้วย เราไม่จำเป็นของไปสาขาของแบงค์ที่เราต้องการ Refinance เลยครับ ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Refinn เราก็ไม่ต้องจ่ายครับ เพราะ Refinn จะได้เปอร์เซนต์จากแบงค์หากเราทำการ Refinance สำเร็จครับ

Refinn เปรียบเทียบโปรโมชั่น รีไฟแนนซ์ สินเชื่อ ถูกที่สุด ฟรี !
หากเป็นผู้ต้องการรีไฟแนนซ์หรือขอสินเชื่อ ขอแนะนำ รีฟินน์ (Refinn) เราช่วยคัดโปรโมชั่นที่เหมาะกับคุณได้ง่ายๆ เพราะเราได้รับความไว้วางใจจากธนาคาร บริการฟรี

หลังจากกรอกข้อมูลคร่าวๆลงใน Refinn ระบบจะแสดงข้อมูลของแต่ละแบงค์ขึ้นมาให้เราเลือกเลยครับ ว่าอยากได้ดอกเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายคร่าวๆเท่าไหร่ ต้องเสียค่าอะไรบ้าง

รายละเอียดคร่าวๆ (ย้ำนะครับ ว่าคร่าวๆ เพราะว่าเราจะรู้ค่าใช่จ่าย ยอดต่างๆจริงๆ หลังจากอนุมัติแล้ว) ที่ Refinn ประเมินให้

ผมก็เลือกตัวเลือกที่ตัวเองสนใจไป โดย Refinn มี Feature ตัวนึงที่ผมชอบมาก โดยมันมี Feature ยื่นเรื่องทีเดียวพร้อมกัน 4 แบงค์ เพื่อให้ทางแบงค์ Offer ดอกเบี้ยมาให้เราพิจารณาภายในครั้งเดียวครับ โดยเราไม่ต้องไปบอกทีละแบงค์ๆ


หลังจากนั้นจะมีเซลล์ของแบงค์ที่ทาง Refinn ยื่นเรื่องให้เราติดต่อมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเราครับ หลังจากที่คุยกับเรียบร้อย ทุกแบงค์จะให้เราเตรียมเอกสารครับ โดยเค้าจะส่งแมสเซ็นเจอร์มารับ โดยเอกสารคร่าวๆจะประมาณนี้ครับ

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • ทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ
  • สำเนาสลิปเงินเดือน
  • Statement (แนะนำให้ส่งไปทุกบัญชี มีเงินเท่าไหร่ อยู่กี่แบงค์ เล่นหุ้น เล่นกองทุน ส่งไปให้หมดครับ)
  • สำเนาโฉนดที่ดิน (กรณีที่ดิน) / สำเนากรรมสิทธิ์ห้องชุด (กรณีคอนโด)
  • อ.ช. 16 (สำหรับคอนโด)
  • สัญญากู้เงินของแบงค์เดิม
  • ใบเสร็จล่าสุดที่ชำระเงินค่าบ้านกับแบงค์เดิม

ต้องบอกว่า มันแล้วแต่ว่าแบงค์ไหนจะขออะไรมาเป็นพิเศษไหมนะครับ อันนี้ผมบอกในสิ่งที่แบงค์ 4 แบงค์ขอผมเหมือนกันนะครับ

คำแนะนำที่ผมได้จากเซลล์ทุกที่คือ

💡
ช่วงยื่น Pre-Approve ให้ยืนทีเดียวหลายๆแบงค์ไปเลยครับ เพราะมันมีผลกับการ Stamp ประวัติเครดิตบูโร ว่ามีการขอ Pre-Approve เกิดขึ้นในประวัติของเรา

ผมเลยส่ง Pre-Approve ไปเลยทีเดียว 4 แบงค์


หลังจากได้ผลการ Pre-Approve แล้ว ก็อยู่ที่กำลังภายในของแต่ละคนแล้วละครับ ว่าจะมีวาทศิลป์ในการต่อรองกับเซลล์ละครับ ว่าจะได้เยอะได้น้อยแค่ไหน อันนี้ต้องบอกเลยว่า แต่ละคนได้ไม่เท่ากันแน่นอนครับ แล้วแต่ปัจจัยที่หลากหลายของแต่ละคน


หลังจากที่คุณ Say Yes กับแบงค์ที่ใช่เซลล์ที่ชอบแล้ว ก็ได้เวลาประเมินหลักทรัพย์ละครับ ซึ่งแน่นอนครับ การประเมินหลักทรัพย์ มันมีค่าใช้จ่ายอยู่ละ ผลพวงจากด้านบนครับ ถ้าคุณใช้วาทศิลป์ในการต่อรองกับเซลล์ได้ฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์ มันก็จะฟรีครับ ฮ่าๆๆ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องจ่ายไปตามระเบียบครับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 2000-4000 ครับ


หลังจากการที่ตรวจประเมินหลักทรัพย์เสร็จแล้ว แบงค์จะ Approve ตัวเลขจริงๆที่สามารถให้คุณกู้ได้ครับ (ตัวเลขที่คุยกับคุณก่อนหน้านี้ มันเป็นตัวเลขคร่าวๆที่เค้าสามารถจ่ายคุณได้) กรณีที่คุณไม่ได้กู้เพิ่ม ถ้าตัวเลขการประเมินหลักทรัพย์ของเรา มากกว่าเงินที่จะกู้จาก Pre-Approve คุณก็จะสามารถกู้ได้ 100% ครับ (อันนี้แล้วแต่การตกลงกับทางแบงค์ตอนที่คุณคุยตอนแรกด้วยนะครับ เช่นบางแบงค์เค้าปล่อยแค่ 90% คุณก็ได้แค่ 90% ครับ)

แต่ถ้าตัวเลขการประเมินหลักทรัพย์ได้น้อยกว่าตอน Pre-Approve คุณก็จะกู้ได้สูงสุดเท่าตัวเลขการประเมินหลักทรัพย์ครับ (อันนี้เหมือนเดิมครับ แล้วแต่ตกลงกับแบงค์ ถ้าเค้าปล่อยได้แค่ 90% ก็ได้แค่ 90%) คุณจะต้องหาเงินมาดาวน์ส่วนที่เหลือเองครับ


หลังจากทุกอย่างผ่านไปได้อย่างที่คุณตั้งใจละ ก็ได้เวลาบอกลาแบงค์เก่าละครับ โดยการเดินเข้าไปยังสาขาของแบงค์เก่า แล้วบอกว่า

ฉันจะมาไถ่ถอนหลักทรัพย์ของฉันละ

แบงค์จะให้เรานัดวันที่ต้องการไถ่ถอน โดยแบงค์เก่าที่ผมใช้บริการอยู่ จะใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการ ทำให้เราต้องนัดวันที่จะไถ่ถอนหลังจาก 7 วันเป็นต้นไปครับ หลังจากนั้นรอ SMS คอนเฟิร์มวันไถ่ถอน ยอดเงินจริงๆพร้อมดอก ณ วันไถ่ถอน ว่าต้องเสียเท่าไหร่ ไปไถ่ถอนที่ไหน คิวที่กรมที่ดินคิวที่เท่าไหร่ รอไปเลยครับ


หลังจากได้ SMS แจ้งข้อมูลข้างต้นมาละ เราก็เอาสิ่งที่ SMS ที่แบงค์เดิมเราบอก ไปบอกแบงค์ที่เราจะย้ายไปซบไหล่ด้วย หลังจากนั้น แบงค์ที่เราจะไปอยู่ด้วย จะดำเนินการออกสัญญาตัวจริงๆ ให้คุณเซ็น โดยกรณีแบงค์ที่ผมย้ายไปอยู่ ต้องเข้าไปเซ็นที่สาขาครับ เราสะดวกเข้าไปที่สาขาไหน สำนักงานใหญ่จะส่งเอกสารไปที่นั่นครับ สะดวกมาก

หลังจากเซ็นสัญญากับแบงค์ใหม่ ก็ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะไปไถ่ถอนที่กรมที่ดินครับ :)


และแล้ว วันที่รอคอยก็มาถึงครับ ให้เราเดินทางไปยังกรมที่ดินตามวันเวลาที่นัดเอาไว้ใน SMS ครับ พอคุณเดินทางไปยังกรมที่ดิน คุณแค่วิ่งเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่แบงค์เก่าของคุณ แล้วเค้าก็จะให้เซ็นเอกสารทั้งทางแบงค์เก่าแล้วก็แบงค์ใหม่ของคุณ (อยากจะบอกว่า เจ้าหน้าที่แบงค์ที่มาประจำกรมที่ดิน เค้ารู้จักกันอยู่แล้วนะครับ เรื่องเลยไม่ได้ยากขนาดนั้น ของผมนี่เจ้าหน้าที่แบงค์เก่า เอาเอกสารแบงค์ใหม่ให้เราเซ็นซะด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ)

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่แบงค์ก็จะพาเราไปหาเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ให้คุณเตรียมค่าธรรมเนียมเอาไว้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมพยาน

💡
แนะนำให้เตรียมเงินสดไปด้วยนะครับ ค่าจดจำนองสามารถชำระด้วย QR Code ได้ แต่ค่าพยาน ต้องชำระด้วยเงินสดเท่านั้นนะครับ

เราไม่ต้องทำอะไรเลยครับ มีหน้าที่จ่ายเงินอย่างเดียว (ผมเลือกที่จะจ่ายค่าจดจำนองเอง เพื่อแลกกับเงื่อนไขบางอย่างที่คุ้มค่ากว่าครับ) แล้วก็นั่งรอรับโฉนด ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครับ (ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่มาใช้บริการครับ) แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ

และนี้คือช่วงเวลานึงอีกครั้ง ที่เราจะได้จับโฉนดตัวจริงครับ :)
โฉนดตัวจริง!

หลังจากที่ไถ่ถอนเสร็จสิ้น หากมีการทำประกัน MRTA กับแบงค์เก่า ให้ทำการไปขอเวนคืนด้วยนะครับ :) แนะนำให้ทำเรื่องตั้งแต่วันที่ไปกรมที่ดินเลย เพื่อจะได้ไม่เสียผลประโยชน์ครับ

ทั้งหมดนี้ ผมทำทุกอย่างเสร็จตอนต้น พฤษภาคม 2023 ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 เดือน เพราะเดือนเมษายน มันวันหยุดเยอะไปหน่อยครับ ซึ่งเอาจริงๆไม่นานนะสำหรับผม ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งนึงแหละ